
ฤดูกาล 2024/25 จบลงด้วยรอยยิ้มที่กว้างที่สุดของแฟน PSG ทั่วโลก หลังทีมคว้าแชมป์ถึง 4 รายการแบบไม่เหลือข้อกังขา ทั้งในประเทศและเวทียุโรป การคว้า ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกสมัยแรก แบบสวยงามทำให้ทีมจากปารีสไม่ใช่แค่ “ว่าที่แชมป์” อีกต่อไป แต่กลายเป็นทีมที่ทุกคนต้องมองในฐานะ “ตัวจริงเสียงจริง” [1]
การเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว การรักษาแชมป์นั้นยากกว่า Paris SG กำลังเข้าสู่ภารกิจสำคัญในฤดูกาล 2025/26 ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ก็ต้องไม่ประมาท เพราะทุกทีมจะไล่ล่าพวกเขาแบบไม่หยุด ทั้งในฝรั่งเศสและยุโรป ไม่มีเกมไหนที่ ปารีสจะได้พัก หรือเล่นแบบขอแค่ประคองตัว
ภารกิจปีนี้ชัดเจน – ป้องกันบัลลังก์ในทุกถ้วยที่ได้มา และพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งให้ทีมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งในเชิงแท็กติกและจิตใจ เพื่อไม่ใช่แค่ชนะ แต่ชนะด้วยคลาสของแชมป์ยุโรปตัวจริง
ไม่มีใครคาดคิดว่า PSG จะไปได้ไกลถึงแชมป์ UCL ในปีแรกที่ไม่มีคีเลียน เอ็มบัปเป้ แต่หลุยส์ เอ็นริเก้ พิสูจน์แล้วว่า การเปลี่ยนผ่านสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการวางรากฐานที่แข็งแกร่ง ระบบแท็คติกที่ชัดเจน และการให้โอกาสนักเตะที่มี “ใจ” มากกว่าชื่อเสียง ทุกคนในทีมเล่นเพื่อกันและกัน ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง [2]
ปารีสยุคนี้เล่นด้วยความเข้าใจเกมลึกซึ้ง เคลื่อนบอลไว เล่นเพรสซิ่งเป็นทีม และมีกองกลางที่กล้าพาบอลทะลุจากหลังถึงหน้า ดาวรุ่งที่เคยเป็นแค่ตัวสำรองอย่าง ดูเอ้ – เอเมรี – รามอส กลายเป็นคีย์แมนที่เปลี่ยนเกมได้ทุกวินาที สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้
การไม่มีเอ็มบัปเป้จึงไม่ใช่ปัญหา แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับไปอีกขั้น พวกเขาไม่ใช่แค่ทีมเงินหนาอีกต่อไป แต่เป็นทีมที่มีอัตลักษณ์ฟุตบอลชัดเจน จนหลายทีมต้องหันกลับมาเรียนรู้จากพวกเขา
ฟอร์มหลังคว้าแชมป์: หลังฉลองแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้ไม่นาน ปารีสฯ กลับมาซ้อมทันที ไม่มีข่าวดราม่า ไม่มีการเฉลิมฉลองแบบหลุดโฟกัส นักเตะทุกคนดูจริงจังกับฤดูกาลใหม่ เป้าหมายชัดเจน – เราจะไม่หยุดแค่สมัยเดียว ในซัมเมอร์นี้ ปารีสแซ็ง-แฌร์แม็ง ลงอุ่นเครื่องกับทีมใหญ่ในยุโรปและเอเชีย เพื่อจำลองบรรยากาศความกดดันที่ใกล้เคียงของจริงที่สุด
ขุมกำลัง: นักเตะตัวหลักยังอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็น ฟาเบียน รุยส์, นูโน่ เมนเดส และดูเอ้ ส่วนดาวรุ่งอย่าง ชูเอา เนเวส และ บาโกร่า ก็ได้รับโอกาสมากขึ้นในทีมชุดใหญ่ ตลาดซื้อขายก็มีความเฉียบคมมากขึ้น โดยไม่ซื้อชื่อเสียง แต่เน้นคุณภาพและเข้ากับระบบทันที [3]
เป้าหมายปีนี้: ปารีสต้องการป้องกันแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกให้ได้ และคว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ และ ลีกเอิง อย่างไม่พลาด หลุยส์ เอ็นริเก้ตั้งเป้าให้ทีมเป็น “ที่สุดของยุค” ไม่ใช่แค่ทีมดังช่วงสั้นๆ เท่านั้น
ชัยชนะเหนืออินเตอร์ มิลาน 5-0 ในนัดชิง UCL ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือผลลัพธ์ของการทำงานหนักร่วมกันทุกระดับ ตั้งแต่โค้ช ผู้บริหาร ทีมแพทย์ ไปจนถึงนักเตะ การขึ้นแท่นเป็นแชมป์ยุโรปสมัยแรกถือเป็นการลบคำสบประมาทตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้แบบเบ็ดเสร็จ
นี่ไม่ใช่ ทีมแซ็ง-แฌร์แม็ง ที่เคยหลุดรอบ 16 ทีมแบบน่าผิดหวัง หรือพ่ายทีมรองบ่อนในนัดสำคัญอีกต่อไป ทีมนี้ใจถึง เทคนิคแน่น และพร้อมชนกับใครก็ได้แบบไม่กลัว ด้วยเกมรุกที่เฉียบคม และเกมรับที่เหนียวแน่นจนแทบไม่มีรูรั่ว
แฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะแฟนๆต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “นี่แหละทีมของเราในเวอร์ชันที่ดีที่สุด” และจากนี้ไป การพูดถึง Paris จะไม่ใช่แค่ทีมที่ใช้เงิน แต่จะเป็นทีมที่ ใช้ระบบ ใช้ใจ และใช้ฟุตบอลจริงๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ [4]
ถ้ายกเครดิตให้ความสำเร็จของ ปารีสฯ ฤดูกาล 24/25 แน่นอนว่า “โค้ชหลุยส์” คือคนที่ต้องถูกพูดถึงเป็นชื่อแรก เขาเข้ามาในช่วงที่ทีมกำลังสับสน และถูกตั้งคำถามว่าทิศทางของทีมจะไปทางไหน แต่เอ็นริเก้ไม่พูดเยอะ เขาค่อยๆ ลงมือวางระบบ วางแท็คติก และเลือกใช้นักเตะที่เข้าใจแนวคิดฟุตบอลแบบ positional play
สิ่งที่ทำให้หลุยส์ เอ็นริเก้แตกต่างคือความกล้า — กล้าใช้ดาวรุ่ง กล้าเปลี่ยนรูปแบบเกม และกล้ายืนหยัดในระบบของตัวเอง แม้จะถูกวิจารณ์ในช่วงแรกว่า “ไม่เข้ากับบอลฝรั่งเศส” แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาในปีแรกคือการคว้า 4 แชมป์ พร้อมฟุตบอลที่ลื่นไหล สวยงาม และมีระเบียบแบบฉบับทีมแชมป์ยุโรป
ปี 25/26 นี้ เอ็นริเก้ยังคงถือธงนำทัพ ปารีสด้วยภารกิจใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม — ป้องกันแชมป์ UCL, ล่าแชมป์ใหม่ในเวทียุโรป และสร้างทีมรุ่นต่อไปให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ถ้า PSG คือจักรวาลที่แข็งแกร่ง เอ็นริเก้ก็คือ ผู้ควบคุมแรงโน้มถ่วง ของทีมอย่างแท้จริง [5]
โค้ชชาวสเปนเลือกใช้แนวทาง positional play หรือการเล่นแบบ “ยึดพื้นที่” เป็นหลัก นักเตะต้องรู้ตำแหน่ง รู้จังหวะถอย-ดัน และรู้ว่าบอลจะไปไหนต่อโดยไม่ต้องหันมองกันเลยด้วยซ้ำ แผนพื้นฐานของเขาคือ 4-3-3 และปรับยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ เช่น 3-2-4-1 ในเกมใหญ่
จุดเด่นคือการสร้างเกมจากแนวรับ, ใช้ฟูลแบ็กเติมเกมสูง และดันปีกเข้ามาด้านในเพื่อสร้างโอเวอร์โหลดกลางสนาม นักเตะต้องตัดสินใจรวดเร็วและเปลี่ยนจากรับเป็นรุกในไม่กี่จังหวะ นี่คือ เปแอสเช ที่เล่นด้วย “ความเข้าใจเกม” ไม่ใช่แค่ใช้ความสามารถเฉพาะตัว
เพราะแบบนี้เองปารีสชุดนี้ถึงไม่ใช่แค่แชมป์ แต่เป็นทีมที่ครองเกมได้จริงทุกนัด และเหนือกว่าหลายทีมระดับท็อปด้วยระบบที่รัดกุม — นี่แหละ “ลายเซ็น” ที่ทำให้ เปแอสเชยุคนี้ต่างจากทุกยุคที่ผ่านมา [6]
ฤดูกาล 2024/25 คือประตูบานใหญ่ที่เปิดรับแฟนบอลรุ่นใหม่ทั่วโลกเข้าสู่จักรวาลของแซ็ง-แฌร์แม็งแบบเต็มตัว แชมป์ UCL สมัยแรกไม่ใช่แค่ความสำเร็จในสนาม แต่มันคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มรู้จักและสนใจสโมสรแห่งนี้มากขึ้น โดยเฉพาะเด็กๆ วัยมัธยมถึงมหาลัยที่เพิ่งหัดดูบอล
สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มเชียร์ เปแอสเชอย่าเพิ่งกังวลว่าคุณมาช้าเกินไป เพราะทีมนี้เพิ่งเริ่มเขียนประวัติศาสตร์บทใหม่! ความพิเศษของปารีส ยุคนี้คือไม่มีใครตัวใหญ่กว่าทีม ทุกคนมีบทบาทและพร้อมผลักดันกันสู่ความสำเร็จ ใครชอบสไตล์บอลเพรสซิ่งดุดัน, ปั้นดาวรุ่ง และความเป็นระบบที่ชัดเจน – คุณมาถูกที่แล้ว
และแน่นอนว่าสโมสรเองก็หันมาให้ความสำคัญกับแฟนรุ่นใหม่ทั้งในโซเชียลมีเดีย, คอนเทนต์เบื้องหลัง, แฟนซีน และกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ มากขึ้น ถ้าคุณกำลังจะเลือกทีมเชียร์ในยุคนี้ ปารีส เวอร์ชันแชมป์ยุโรปนี่แหละ เหมาะจะเป็นทีมที่คุณโตไปพร้อมกัน
ฤดูกาลหน้า คืออีกบททดสอบของเปแอสเช ว่าจะรักษาระดับความยอดเยี่ยมเอาไว้ได้หรือไม่ ในวันที่ไม่มีใครมองข้ามพวกเขาอีกต่อไป ทุกทีมในยุโรปจะพุ่งเป้ามาเต็มที่ เกมที่เคยง่ายจะกลายเป็นเกมที่วัดใจ และนั่นคือสิ่งที่แชมป์ตัวจริงต้องรับมือให้ได้
โชคดีที่ปารีสไม่ได้แค่เก่งเฉพาะหน้ากระดาน แต่พวกเขามีความพร้อมทุกมิติ ทั้งขุมกำลัง สภาพจิตใจ และแท็กติก ความมั่นใจแบบไม่หลงระเริงคือกุญแจสำคัญของทีมนี้ในปีนี้
ปีนี้ PSG ไม่ได้มาเพื่อป้องกันแชมป์อย่างเดียว…แต่พวกเขามาเพื่อพิสูจน์ว่า “พวกเราเกิดมาเพื่อครองยุคนี้!”
ยินดีด้วยกับความสำเร็จในปีนี้ครัช
โหดอย่างต่อเนื่อง ปีหน้าก็จองแชมป์ลีกยาวๆ