
แมนยู ฤดูกาล 2024/25 จบลงแบบน่าผิดหวัง เมื่อทีมจบเพียงอันดับ 15 ของพรีเมียร์ลีก พร้อมตกรอบบอลถ้วยทุกถ้วย แฟนบอลต่างคาดหวังการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง
และนี่คือจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม กุนซือไฟแรงจากโปรตุเกส ที่มาพร้อมแนวคิดลูกหนังสมัยใหม่ และการปฏิวัติทีมแบบยกเครื่อง
อโมริมวางเป้าหมายชัดเจน: เปลี่ยนแปลงระบบการเล่น เสริมตัวใหม่ที่เหมาะสมกับแท็คติก และสร้างทีมที่มีสมดุลระหว่างประสบการณ์กับดาวรุ่ง สโมสรมีงบเบื้องต้น 100 ล้านปอนด์ในตลาดซัมเมอร์ ซึ่งจะถูกใช้เพื่อสร้างทีมให้ตอบโจทย์ฟุตบอลสมัยใหม่ ทั้งในแง่คุณภาพ ความเร็ว และวินัยเกมรับ [1]
นักเตะเป้าหมายเข้า:
นักเตะเป้าหมายปล่อย:
ที่มา talksport [2]
ระบบ 3-4-3 โดยอโมริม:
มาร์ติเนซ – โยโร่, เดอ ลิกต์, แบรนธ์เวต – มาซราวี, อูการ์เต้, เมนู, ดอร์กู – ดิยัลโล่, คุนญ่า, เอ็มเบอโม่
ระบบนี้เน้นการเพรสสูง เล่นบอลเร็ว และกระจายจังหวะจบสกอร์จากหลายตำแหน่ง ไม่พึ่งพาใครคนเดียว ทุกตำแหน่งต้องมีบทบาท ทั้งรุกและรับ ทุกคนมีหน้าที่สร้างเกม ไม่ใช่รอบอลอย่างเดียว [3]
แฟนผีพร้อมให้อภัยทีมที่ล้มเหลว ถ้าเห็นความพยายาม การเปลี่ยนแปลง และแนวทางที่ชัดเจน แต่หากวนลูปแพ้แบบไร้สไตล์อีกครั้ง ความอดทนก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน
ที่มา The Sun [4]
ถ้าเพิ่งเริ่มเชียร์ แมนยู ในปีนี้ บอกเลยว่ามาถูกเวลาแล้ว!
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญอีกครั้ง ฤดูกาล 2025/26 ไม่ใช่เวลาของการอยู่เฉย แต่คือฤดูกาลของการ “เริ่มต้นใหม่จริงๆ” ทั้งในแง่โค้ช นักเตะ แผนการเล่น และวิสัยทัศน์ของสโมสร
ถ้าอโมริมทำทีมเข้าที่ได้ไว ตลาดนักเตะเสริมแบบแม่นยำ ดาวรุ่งแจ้งเกิดได้จริง และแฟนบอลยังให้พลังหนุนหลังอย่างต่อเนื่อง… ปีศาจแดงมีสิทธิ์ลุกขึ้นมาท้าทายได้อีกครั้ง
บทพิสูจน์ครั้งใหม่ เริ่มขึ้นแล้วที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด และครั้งนี้ต้องไม่มีคำว่าครึ่งๆ กลางๆ อีกต่อไป ฟันธงกันไปเลยว่า ปิศาจแดง แมนยู จะกลับมาอยู่ใน “Top 4 ได้อย่างแน่นอน”
ยังดีนะที่ชนะฮ่องกงได้
กลับมาไวๆนะเพื่อนรัก อิอิ
แมนยู จะกลับมาได้แน่ๆ ขอแค่เปลี่ยนโกล
ถ่า บรูโน ย้ายนี่ทีมไม่น่าเหลือไรเลยนะปีหน้า
เชียร์จนท้อ แต่เชื่อเหมือนกันว่าปีหน้าจะดีขึ้น