แพลตฟอร์ม DeFi กับหนี้ระยะสั้น ความเสี่ยงใหม่ในโลก

แพลตฟอร์ม DeFi

แพลตฟอร์ม DeFi (Decentralized Finance) หรือ การเงินแบบไร้ศูนย์กลาง กำลังกลายเป็นสนามการลงทุนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนที่อนุญาตให้ผู้ใช้กู้ยืมและปล่อยกู้ได้โดยไม่ต้องผ่านธนาคาร ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์การเงินรูปแบบใหม่ที่เข้าถึงง่ายและดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง

หนี้ระยะสั้น มักอยู่ในรูปแบบการกู้ยืมคริปโทเคอร์เรนซีเพื่อเก็งกำไรในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่ชั่วโมง เช่น การทำฟาร์มสภาพคล่อง (liquidity farming) หรือการกู้เพื่อใช้ในตลาดอนุพันธ์ จุดแข็งคือดอกเบี้ยสูงและการทำธุรกรรมที่รวดเร็ว แต่ความผันผวนของราคาเหรียญดิจิทัล ทำให้ผู้กู้ต้องพบความเสี่ยงสูญเสียเงินในชั่วข้ามคืน

สิ่งที่ทำให้ Open Finance ซับซ้อนกว่าระบบการเงินทั่วไปคือการไม่มีศูนย์กลางกำกับดูแล การทำธุรกรรมเกิดขึ้นผ่านสมาร์ทคอนแทร็กต์โดยอัตโนมัติ แม้จะโปร่งใสในเชิงเทคนิค แต่เมื่อเกิดปัญหา เช่น ราคาคริปโทร่วงแรง หรือสัญญาอัจฉริยะถูกโจมตี ผู้กู้มักไม่สามารถเรียกร้องสิทธิหรือขอความช่วยเหลือได้

ทำไม DeFi จึงดึงดูดผู้เล่นหนี้ระยะสั้น

เสน่ห์สำคัญของ การเงินกระจายศูนย์ คือความรวดเร็วและไม่มีข้อจำกัด ผู้ใช้สามารถกู้หรือปล่อยกู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนอนุมัติจากธนาคาร ไม่ต้องใช้เอกสารหรือเครดิตสกอร์ ความสะดวกนี้ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการทำกำไรระยะสั้น (15 ธันวาคม 2020) [1]

ดอกเบี้ยสูงเป็นอีกแรงดึงดูดหลัก หลายแพลตฟอร์มเสนอดอกเบี้ยสำหรับผู้ฝากเหรียญสูงกว่าธนาคารหลายเท่า ผู้กู้ก็สามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหลักประกันเพื่อกู้เงินในสกุลอื่นไปลงทุนต่อได้ทันที ระบบนี้ทำให้การกู้ยืมใน ระบบการเงินอิสระบนบล็อกเชน มีลักษณะ เงินต่อเงิน ที่หมุนเร็วและสร้างผลตอบแทนได้ในเวลาอันสั้น

นอกจากนี้ วัฒนธรรมของโลกคริปโทที่เน้นอิสระและไม่พึ่งพาธนาคาร ยังทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่า Blockchain-based Finance คือเส้นทางใหม่ที่ปลอดจากการควบคุมของรัฐ ความคิดนี้ผลักดันให้หลายคนยอมรับความเสี่ยงที่สูงกว่า เพราะเชื่อว่ากำไรที่ได้จะคุ้มค่า แม้จะหมายถึงการก้าวเข้าสู่ตลาดหนี้ระยะสั้นที่ไม่มีหลักประกันความปลอดภัย

ความผันผวนของราคาเหรียญ จุดเสี่ยงที่ยากควบคุม

หัวใจของความเสี่ยงใน หนี้ระยะสั้น คือความผันผวนของราคาเหรียญดิจิทัล มูลค่าของเหรียญสามารถปรับขึ้นหรือลงได้หลายสิบเปอร์เซ็นต์ภายในไม่กี่ชั่วโมง การกู้เงินโดยใช้คริปโทเป็นหลักประกันจึงเสี่ยงต่อการถูก liquidate หรือบังคับขายหลักประกันเมื่อราคาลดลงต่ำกว่าที่กำหนด ส่งผลให้สูญเสียทั้งสินทรัพย์อย่างรวดเร็ว

การขาดเสถียรภาพนี้ยังเปิดโอกาสให้เกิดการปั่นราคา (price manipulation) โดยกลุ่มผู้ถือเหรียญรายใหญ่ การปั่นราคาเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้มูลค่าหลักประกันของผู้กู้ลดลงทันที และทำให้ระบบบังคับขายทำงานโดยอัตโนมัติ ความเสียหายจึงเกิดขึ้นในเวลาไม่กี่นาทีโดยไม่มีช่องทางป้องกัน

ในบางกรณี ความผันผวนนี้ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีระบบ เช่น การโจมตีแบบ Flash Loan ที่ผู้โจมตีกู้เงินก้อนใหญ่ในเวลาไม่กี่วินาทีเพื่อปั่นราคาตลาด เมื่อราคาผันผวนจนถึงจุดที่กำหนดก็คืนเงินทันที ทิ้งให้ผู้กู้รายอื่นต้องเผชิญกับการบังคับขายและขาดทุนอย่างหนัก (31 สิงหาคม 2025) [2]

สมาร์ทคอนแทร็กต์ จุดแข็งที่อาจกลายเป็นจุดอ่อน

แม้ สมาร์ทคอนแทร็กต์ จะเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Open Finance โปร่งใสและอัตโนมัติ แต่ก็เป็นจุดเสี่ยงในตัวเอง โค้ดที่ผิดพลาดหรือมีช่องโหว่อาจถูกแฮ็กได้ง่าย และเมื่อถูกโจมตี ความเสียหายจะเกิดขึ้นทันทีโดยไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ไขได้ การสูญเงินจำนวนมหาศาลหลายครั้งเกิดจากข้อผิดพลาดของสมาร์ทคอนแทร็กต์

อีกปัญหาคือผู้ใช้งานทั่วไปไม่สามารถตรวจสอบโค้ดได้ละเอียด ทำให้ต้องเชื่อใจทีมพัฒนาและผู้ตรวจสอบภายนอก หากทีมพัฒนาไม่มีความโปร่งใสหรือเจตนาหลอกลวง โอกาสที่เงินของผู้กู้และผู้ลงทุน จะถูกขโมยก็สูงขึ้นทันที ปัญหานี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อการทำธุรกรรมเกิดในไม่กี่วินาทีและไม่สามารถย้อนกลับได้

แม้จะมีการพัฒนามาตรฐานความปลอดภัย อย่างเช่น การตรวจสอบสัญญาโดยบริษัทอิสระ แต่ความซับซ้อนของ DeFi ทำให้ไม่มีมาตรการใดป้องกันได้ 100% ส่งผลให้ผู้กู้หนี้ระยะสั้นต้องเผชิญกับความเสี่ยงทั้งจากตลาดและเทคโนโลยีไปพร้อมกัน (15 มกราคม 2025) [3]

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผู้ใช้ เมื่อหนี้ระยะสั้นกระแทกระบบการเงิน

แพลตฟอร์ม DeFi

การกู้ยืมระยะสั้น ใน แพลตฟอร์ม DeFi ไม่ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนเฉพาะกับผู้เล่นคริปโทเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในวงกว้าง เงินจำนวนมากไหลเข้าออกระบบโดยไม่ผ่านธนาคาร ทำให้การติดตามและควบคุมเงินเฟ้อหรืออัตราดอกเบี้ยของภาครัฐทำได้ยาก (19 มกราคม 2022) [4]

สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ความเสี่ยงไม่ได้มีเพียงการขาดทุนจากการลงทุน แต่รวมถึงปัญหาทางจิตใจ อาทิเช่น ความเครียดจากความผันผวนของตลาด และแรงกดดันจากการถูกบังคับขาย (liquidation) แบบฉับพลัน หลายคนสูญเสียเงินออมทั้งชีวิตภายในไม่กี่นาที โดยไม่สามารถเรียกร้องสิทธิหรือความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดได้

ปรากฏการณ์นี้ยังสร้างแรงกระเพื่อมไปถึงสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม เมื่อธนาคารต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านดอกเบี้ยที่สูงกว่าหลายเท่า และการไหลออกของเงินฝากเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ถูกกำกับ ผลลัพธ์คือระบบการเงินแบบเดิมต้องปรับตัวอย่างหนัก เพื่อรับมือกับรูปแบบการกู้ยืมที่รวดเร็วและเสี่ยงสูงในโลกการเงินดิจิทัล

ช่องโหว่ด้านกฎหมาย และการกำกับดูแล

Blockchain-based Finance ดำเนินการบนบล็อกเชนที่ไร้ศูนย์กลาง ทำให้ยากต่อการกำกับดูแลโดยหน่วยงานรัฐ แม้หลายประเทศจะเริ่มพัฒนากฎหมายคริปโท แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ครอบคลุมไปถึงแพลตฟอร์มกู้ยืมที่ใช้สมาร์ทคอนแทร็กต์อย่างเต็มรูปแบบ ช่องโหว่นี้เปิดทางให้ผู้ไม่หวังดีสร้างแพลตฟอร์มหลอกลวงหรือปั่นราคาได้

อีกปัญหาคือการกำหนดเขตอำนาจศาลที่ไม่ชัดเจน ผู้กู้และผู้ปล่อยกู้ในการเงินกระจายศูนย์ อาจอยู่คนละประเทศ การติดตามหรือฟ้องร้องจึงซับซ้อนและใช้เวลานาน ยิ่งไปกว่านั้น หลายแพลตฟอร์มจดทะเบียนในเขตปลอดภาษีหรือประเทศที่มีกฎหมายการเงินผ่อนปรน ทำให้การสกัดกั้นทำได้จำกัด

บางประเทศเริ่มใช้มาตรการตรวจสอบธุรกรรมบนบล็อกเชน และบังคับให้แพลตฟอร์มต้องผ่านการรับรอง แต่การเคลื่อนย้ายเงินในระดับวินาที กับการสร้างแพลตฟอร์มใหม่ได้ตลอดเวลายังเป็นความท้าทายใหญ่ ส่งผลให้การกำกับดูแล ระบบการเงินอิสระบนบล็อกเชน ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศที่ทันสมัย

DeFi กู้สั้นพุ่ง 60% ในปีเดียว

ข้อมูลล่าสุดจากสถาบันวิจัยการเงินดิจิทัลระดับนานาชาติระบุว่า การกู้ยืมระยะสั้นผ่านแพลตฟอร์มการเงินไร้ศูนย์กลาง เพิ่มขึ้นกว่า 60% ภายในปี 2025 โดยมีมูลค่าตลาดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยหลักมาจากความนิยมของสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่และการพัฒนาเครื่องมือทางการเงินที่ทำธุรกรรมได้ในเสี้ยววินาที

รายงานยังเตือนถึงความเสี่ยงจากการโจมตีระบบ ตัวอย่างเช่น Flash Loan Attack และการปั่นราคาเหรียญที่อาจทำให้เกิดการล่มของแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ได้ในชั่วข้ามคืน หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว อาจกระทบต่อราคาคริปโทโดยรวมและสร้างความเสียหายเป็นพันล้านดอลลาร์ในตลาดโลก

นักวิชาการและหน่วยงานกำกับดูแลต่างเรียกร้องให้มีการสร้างมาตรฐานสากลสำหรับการปล่อยกู้และการใช้สมาร์ทคอนแทร็กต์ เพื่อป้องกันไม่ให้การเงินกระจายศูนย์ กลายเป็นจุดอ่อนใหม่ของระบบการเงินโลก และลดโอกาสเกิดวิกฤตการเงินที่มีต้นกำเนิดจากโลกดิจิทัล (มีนาคม 2025) [5]

สรุป แพลตฟอร์ม DeFi หนี้ระยะสั้นระเบิดเวลาการเงินยุคใหม่

การกู้ยืมระยะสั้นผ่านแพลตฟอร์มการเงินกระจายศูนย์ แสดงให้เห็นว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไม่ได้มีแต่ข้อดี แต่ยังสร้างความเสี่ยงใหม่ที่ควบคุมได้ยาก ความผันผวนของราคาเหรียญ

การโจมตีระบบ และช่องโหว่กฎหมาย ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้หนี้ระยะสั้นในโลกการเงินไร้ศูนย์กลางเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมสร้างวิกฤตได้ตลอดเวลา “การรับมือจึงต้องอาศัยการพัฒนากฎหมาย การให้ความรู้ผู้ใช้ และความร่วมมือระดับโลกเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลาม”

เสริมกติกา กำกับดูแลระดับโลก

การสร้างกรอบกำกับดูแลที่สอดคล้องกันระหว่างประเทศคือกุญแจสำคัญ ทั้งการติดตามธุรกรรมบนบล็อกเชน การบังคับใช้กฎหมาย Know Your Customer (KYC) และการตรวจสอบสมาร์ทคอนแทร็กต์โดยองค์กรอิสระ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการกู้ยืมและการโจมตีระบบที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที

เพิ่มภูมิคุ้มกันผู้ใช้ ในตลาดคริปโท

ในขณะเดียวกัน ต้องเร่งสร้างความรู้เรื่องการเงินดิจิทัลให้กับผู้ใช้ทั่วไป เพื่อให้เข้าใจกลไกการกู้ยืมใน DeFi และประเมินความเสี่ยงได้อย่างมีสติ การส่งเสริมการศึกษาและการให้คำปรึกษาที่เข้าถึงง่ายจะช่วยให้ผู้คนสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ และลดโอกาสตกเป็นเหยื่อของหนี้ระยะสั้นที่มีความผันผวนสูง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

แสดงความคิดเห็น