
เสพติดความเสี่ยง ในโลกของการพนัน มักไม่ได้เสพติดแค่เงิน แต่กลับหลงใหลในความรู้สึกระทึกที่มาพร้อมความเสี่ยง การลุ้นทุกวินาทีที่ผลจะออก การดีดของหัวใจเมื่อเกือบชนะหรือเกือบหมดตัว สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับยาเสพติดที่ให้ความตื่นเต้นแบบรวดเร็ว แต่แลกมาด้วยการติดอยู่ในวงจรที่ยากจะถอนตัว
พฤติกรรมเสพติดความเสี่ยงนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันฝังรากอยู่ในกลไกสมองของมนุษย์โดยเฉพาะสารโดปามีน ที่หลั่งออกมาทุกครั้งที่เรารู้สึกลุ้นหรือเสียว ยิ่งเสี่ยงมาก ยิ่งลุ้นมาก สมองก็ยิ่งตอกย้ำว่าแบบนี้แหละที่เราชอบ แม้จะรู้ว่าผลลัพธ์อาจพังพินาศก็ตาม
การทำความเข้าใจเรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่การตัดสินว่าใครผิดหรือถูก แต่คือการเข้าใจว่าความเสี่ยงอาจเป็นสิ่งที่เราต้องการเพราะมันกระตุ้นสมองให้รู้สึกมีชีวิต แต่หากไม่รู้จักควบคุมหรือหาทางเบนออกไปในทางที่ดี ความตื่นเต้นนี้ก็พร้อมจะกลายเป็นกับดักที่ทำลายเราได้ทุกเมื่อ
ความตื่นเต้นจากการพนันไม่ใช่แค่เรื่องของโชคหรือเงินรางวัลเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องของกลไกในสมองที่ถูกกระตุ้นโดยความไม่แน่นอน ความรู้สึกแบบนี้เรียกว่า Reward Uncertainty ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงจูงใจที่ทรงพลังที่สุดต่อพฤติกรรมมนุษย์ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนถึงติดการลุ้นมากกว่าการได้เงินจริงเสียอีก [1]
อีกปัจจัยที่ส่งผลคือระบบการให้รางวัลเป็นช่วงๆ ซึ่งพบได้ในเครื่องสล็อตหรือเกมพนันที่ถูกออกแบบมาอย่างแยบยล ผู้เล่นจะได้รับชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ แบบไม่แน่นอนแต่พอให้ตื่นเต้นพอใจ ทำให้รู้สึกว่ายังมีโอกาสชนะอยู่เสมอ นี่คือกับดักที่ล่อให้คนเล่นต่อแม้จะเสียเงินไปมากแล้ว
สุดท้ายแล้ว ความตื่นเต้นแบบนี้ก็คือสภาวะเสพติดแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับการติดยา หรือการเสพติดกิจกรรมที่ให้รางวัลเร็วแบบโซเชียลมีเดีย การพนันจึงไม่ได้มีแค่เรื่องการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ลึกลงไปคือเรื่องของความอยากรู้อยากลอง และความรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตอย่างสุดขั้วที่ผู้เล่นโหยหาโดยไม่รู้ตัว
สารโดปามีนเป็นสารเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับความสุขและแรงจูงใจ โดยเฉพาะเมื่อเราทำอะไรที่เสี่ยงหรือตื่นเต้น สมองจะหลั่งโดปามีนออกมาให้เรารู้สึกดีชั่วขณะ นั่นคือเหตุผลที่การพนันถึงสามารถทำให้คนรู้สึกฟิน แม้จะไม่ได้ชนะรางวัลอะไรเลยก็ตาม การเสี่ยงคือรางวัลในตัวของมันเองสำหรับคนบางคน
เมื่อพฤติกรรมนี้ถูกทำซ้ำบ่อยๆ สมองก็จะสร้างความเคยชินกับรูปแบบของรางวัลแบบนี้ จนกระทั่งคนๆ นั้นไม่สามารถมีความสุขได้จากสิ่งธรรมดาอีกต่อไป ต้องการความลุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นกับดักทางพฤติกรรมที่ยากจะถอนตัว
นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้หลายคนแม้จะหมดตัวก็ยังไม่หยุด เพราะสมองไม่ได้ต้องการเงินอีกต่อไป แต่มันต้องการความรู้สึกที่เกิดจากการเสี่ยง ซึ่งเป็นกลไกแบบเดียวกับการติดสารเสพติด [2]
ความลุ้นในการพนันไม่ได้เกิดเฉพาะตอนจะชนะเท่านั้น แต่ตอนเสียก็ลุ้นเหมือนกัน ลุ้นว่าจะได้คืนมั้ย ลุ้นว่าจะเอาทุนคืนอย่างไร ความรู้สึกหวาดเสียวแบบนี้กระตุ้นสมองได้ไม่แพ้ตอนที่กำลังจะได้เงิน และนี่คือสิ่งที่ทำให้คนยังไม่เลิก แม้จะรู้ว่าตัวเองกำลังแพ้
ผลวิจัยด้านจิตวิทยาหลายชิ้นยังพบว่า การเกือบชนะ เช่น ปั่นสล็อตแล้วได้รูปเรียงกัน 2 จาก 3 รูป ทำให้สมองหลั่งโดปามีนพุ่งสูงกว่าการแพ้ธรรมดา ความรู้สึกเกือบได้นี่แหละ ที่ทำให้คนติดอยู่ในวังวนนี้นานแสนนาน [3]
ความรู้สึกแบบนี้แฝงความหวังปลอมๆ ไว้ จนหลายคนไม่กล้าหยุด เพราะกลัวว่าจะชนะในตาถัดไป กลัวว่าหยุดแล้วจะพลาด จึงกลายเป็นเสพติดความลุ้นโดยไม่รู้ตัว
เมื่อรู้ตัวว่าเราอาจเป็นคนที่ชอบความตื่นเต้นหรือความรู้สึกท้าทาย สิ่งสำคัญที่สุดคือการหาทางปลดปล่อยพลังเหล่านี้ออกมาในทางที่ปลอดภัยและเป็นประโยชน์ ไม่ใช่ปล่อยให้ระบายผ่านการพนันเพียงอย่างเดียว เพราะนั่นจะนำมาซึ่งปัญหาทั้งทางการเงิน ความสัมพันธ์ และสุขภาพจิตในระยะยาว
การหาทางระบายสามารถเริ่มจากกิจกรรมที่ใช้พลังงาน เช่น การเล่นกีฬา การออกกำลังกาย หรือการท่องเที่ยวผจญภัย กิจกรรมเหล่านี้ช่วยกระตุ้นอะดรีนาลีนและโดปามีนในแบบที่ดีต่อร่างกาย อีกทางเลือกหนึ่งคือการเข้าร่วมการแข่งขัน หรือทำสิ่งที่มีเป้าหมายชัดเจนและท้าทาย
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป้าหมายชีวิตเป็นเครื่องมือแทนการพนันได้ เช่น ออมเงินเพื่อทำธุรกิจส่วนตัว สร้างบ้านให้ครอบครัว หรือบรรลุเป้าหมายการศึกษา ความลุ้นจากการพัฒนาชีวิตจริงเหล่านี้อาจไม่รวดเร็วเท่าการเดิมพัน แต่มันเติมเต็มได้ลึกและยั่งยืนกว่า ไม่ทำร้ายชีวิต และยังนำพาไปสู่ความภาคภูมิใจในระยะยาว
หากคุณรู้ตัวว่าตัวเองชอบความรู้สึกตื่นเต้น ลองเปลี่ยนสนามออกจากโต๊ะพนันไปสู่กิจกรรมที่ปลอดภัยและได้ประโยชน์ การปีนผา เล่นกีฬาที่มีการแข่งขัน ทำกิจกรรมเอ็กซ์ตรีม หรือเข้าร่วมอีเวนต์ต่างๆ ช่วยกระตุ้นสารเคมีในสมองคล้ายกัน แต่ไม่ทำลายชีวิต
หลายคนที่เคยติดการพนันเมื่อเปลี่ยนไปออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาจริงจัง กลับค้นพบว่าการลุ้นแบบไม่เสียเงินนั้นมีพลังทางใจมากกว่าที่คิด และยังได้สุขภาพกายใจไปพร้อมๆ กันด้วย
การท้าทายตัวเองด้วยกิจกรรมเหล่านี้จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้เราได้เสพความเสี่ยงอย่างมีสติ และไม่ต้องจมอยู่ในหายนะของการพนัน [4]
อีกหนึ่งทางเลือกในการเปลี่ยนวงจรโดปามีน คือการตั้งเป้าหมายชีวิตให้ชัด และค่อยๆ ทำสำเร็จไปทีละขั้น เพราะทุกครั้งที่เราบรรลุเป้าหมาย แม้เล็กน้อย สมองก็จะหลั่งสารแห่งความสุขออกมาเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นการฝึกวิ่งให้ได้ระยะทางที่ตั้งใจ การทำอาหารที่ไม่เคยลองมาก่อน หรือการเก็บเงินสำเร็จเป็นครั้งแรก สิ่งเหล่านี้คือความลุ้นที่ปลอดภัย และทำให้ชีวิตมั่นคงขึ้นด้วย
เมื่อเริ่มเห็นผลของความสำเร็จที่จับต้องได้ คุณจะค่อยๆ ห่างจากความรู้สึกต้องไปลุ้นโชค เพราะคุณกำลังสร้างโชคด้วยมือตัวเองอยู่ทุกวัน [5]
เสพติดความเสี่ยงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การไม่รู้เท่าทันมันคือสิ่งที่อันตราย ความรู้สึกตื่นเต้น ลุ้นระทึก อาจเป็นสีสันของชีวิต แต่หากปล่อยให้มันนำทางชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว คุณอาจกำลังเดินเข้าสู่กับดักที่ไม่มีทางออก
สิ่งสำคัญคือ “การหันกลับมาทำความเข้าใจตัวเอง ยอมรับความชอบที่มี” แล้วหาทางปล่อยพลังเหล่านั้นในรูปแบบที่ไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่ว่าจะผ่านการออกกำลังกาย การตั้งเป้าหมายชีวิต หรือการทำกิจกรรมที่ได้ผลลัพธ์จริงแทนที่จะพึ่งโชค
เพราะความรู้สึกตื่นเต้นนั้นมีได้ แต่ควรอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ และไม่ต้องแลกกับการเสียคนทั้งชีวิต
เป็นความจิต ส่วนบุคคลที่ชอบในความเจ็บปวด รู้ว่าเล่นไปหรือทำไปก็จะเจ็บแต่ทำให้มีความสุขได้ซะงั้น
บางคนชื่นชอบและหลงในความเจ็บปวด พร้อมที่จะเสี่ยงแม้รู้ว่าสุดท้ายจะพ่ายแพ้ก็ตามที
ผมโคตรชอบเลยเวลาที่เล่นพนัน มันสนุก ตื่นเต้น เสี่ยงแล้วได้ชัยชนะ เป็นอะไรที่มันฟินมากๆ แต่ในวันที่เสีย วันที่ย่ำแย่เหมือนชีวิตติดลบ เลวร้ายเกินบรรยาย หากมีโอกาสรอดจากวงจรชีวิตนี้ ขอเลยว่าจะไม่ทำพลาดแบบนี้อีกเลย
คนมากมายชื่นชอบในคความเสี่ยง เล่นสนุก ตื่นเต้น มันส์ไม่มีหยุด แต่ตอนเสีย ค่อยมานั่งเสียใจในตอนสุดท้าย
ทุกๆครั้งเรารู้ว่ามันเจ็บปวดและมีความเสี่ยง แต่คนเรามักชอบในสิ่งเหล่านี้เสียเหลือเกิน ทำให้ติดแล้วติดอีก เลิกยากจริงๆ